บทที่ 4 เวชกรรม ภาคทฤษฏี ( คัมภีร์ธาตุวิวรณ์ )
ส่วนใหญ่ เป็นเนื้อหา การเกิดไข้ แต่ ไม่ ไข้ อย่างเดียว เหมือน คัมภีร์ตักศิลา
จะมีเรื่องไข้ และ ธาตุที่ มันเสียหาย ไป ไม่ว่า ธาตุพิการ หรือ ธาตุวิปราศ ก็แล้วแต่ ก็มีเรื่อง ของไข้ รวมอยู่ในนี้ ก็จะมี บางส่วน ที่นำ มาออก สอบแล้วทำให้เรา สับสน
( คัมภีร์ธาตุวิวรณ์ )
กล่าวถึง ดังนี้
- ธาตุ 4 พิการ
- ธาตุ 4 วิปลาส
- ธาตุ 4 เป็นตรีโทษ
- ฤดู 3 ให้ธาตุพิการ
- ฤดู 4 ให้ธาตุพิการ
- ฤดู 5 ให้ธาตุพิการ
- การกำหนดเวลา การเกิดไข้
- ลักษณะอาการของโทษ 2 ( ทุวันโทษ )
- ลักษณะอการของ โทษ 3 ( ตรีโทษ )
- มูลเหตุการเกิดโรค ( ให้จำไว้ว่า มันมี ข้อแตกต่างอยู่ คือ มูลเหตุ การเกิดโรค ของ ธาตุวิวรณ์ มี 6 ประการ )
- โทษห้ามผู้ไข้ ( โทษที่ไปห้ามผู้ไข้ ทั้งหมด มีกี่ประการ )
( ไม่ใช่มีแค่นี้ ยังมี เรื่อง ของ รสยา ว่าการใช้ยา ใช้ยา กี่รส ซึ่่งคัมภีร์ นี้ ก็มี เนื้อหา อีกที่ทำให้เรา สับสน การวิเคราะห์ โรค ตามประเทศ ตามที่อยู่ การวิเคราะห์โรคตามสีผิว คนไข้ การพิเคราะห์โรค ด้วยการ กำหนดเวลา การเกิดไข้ ( ไม่ใช่จำนวนวัน ที่เป็น ) การพิเคราะห์ ตามลักษณะ ประเภทไข้ และ ลักษณะ เวลาการจับไข้ พวกนี้ จะพูด ถึงเรื่องไข้ แต่ ไม่ใช่ แยกประเภทไข้ แบบคัมภีร์ ตักศิลา ซึ่ง ควรเรียน ก่อนไปเรียน ตักศิลา
เรื่องแรก จะพูดถึง ธาตุ 4 ให้พิการ สิ่งที่ ทุกคนต้องรู้ คือ ธาตุ ทั้ง 4 ว่ามี ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ข้อสอบ จะชอบ ถามว่า ปัถวีธาตุพิการ มีลักษณะอย่างไร หรือ ยก อาการมาถาม เช่น กายแข็งกระด้างตึงชา แข็งดัง ท่อนไม้ ดัง งู กฏมุข คือ ธาตุใด พิการ
( ธาตุ 4 พิการ )
( ปัถวีธาตุพิการ )
ทำให้กายคนไข้ แข็งกระด้าง ตึงชา เนื้อหนัง เหี่ยวแห้ง แข็งดังขอนไม้ เปรียบดังอสรพิษ ( กฏมุข ) ขอบตอด
( ตัวแรก ธาตุดิน เมื่อพิการแล้ว ทำให้ คนไข้ แข็งกระด้าง ตึงชา เนื้อหนัง เหี้ยวแห้ง เหมือน ขอนไม้ อาการมันจะเป็นไป ในทางธาตุ ดิน เพราะ มันเกี่ยวกับ เนื้อหนัง ของเรา ที่เป็น ธาตุดิน ป
( อาโปธาตุพิการ )
ให้พรุนเปื่อย เป็น หิด เป็น ฝี บางที เป็น เม็ดคันทั่วกาย มีน้ำเหลืองไหลปรี่ กลิ่นเหม็นเน่า เปรียบดัง งู ( ปูติมุข ) ขบตอด
( อาการทาง อาโป ให้พรุนเปื่อย เป็น หิว เป็น ฝี การเป็น ฝี มันมี หนอง ซึ่ง เป็น หนึ่ง ใน ธาตุ น้ำ ที่ เป็น ของเสีย ตีเป็น อาการทาง อาโป เป็น เม็ด คันทั่วกาย การเป็น เม็ดคัน ก็ เกี่ยวกับ เลือด และ น้ำเหลือง ซึ่ง ก็ เป็น ธาตุน้ำ 12 อย่าง มีน้ำเหลืองไหล น้ำเหลือง ก็เป็น ธาตุ น้ำ )
( เตโชธาตุพิการ )
ให้รุ่มร้อน เป็นกำลัง ผิวหนัง หม่นไหม้ด้านดำ มีพิษดัง งู ( อัคคีมุข ) ขอบตอดดัง ไฟลนทั่วทั้งกาย
( ทำให้รุ่มร้อนมาก เป็น กำลัง ผิวหนัง หม่นไหม้ เค้าพูด ถึงผิวหนัง แต่ ผิวไหม้ เพราะความร้อน / รู้สึก เหมือนมี งูมากัด เหมือน มีไฟ มา ลน รวมๆแล้ว มันก็เป็น อาการทาง ธาตุไฟ )
( วาโยธาตุพิการ )
มีโทษมากกว่า ธาตุ ทั้ง 3 มีพิษ ให้เปื่อยพัง ให้ขาด เป็น ชิ้นๆ ดังมีดเชือด เปรียบดัง งู ( สัตถมุข ) ขบตอด
( เป็น อาการที่มี โทษ มากกว่า ตัวอื่นๆ ให้จำ ไว้ )
ปัถวีธาตุพิการ = งู กฏมุข
อาโปธาตุพิการ = งู ปูติมุข (ปูอยู่ในน้ำ)
เตโชธาตุพิการ = งู อัคคีมุข (อัคคี ไฟ)
วาโยธาตุพิการ = งู สัตถมุข (สัตถกะ คือ ลม )
( ฤดู 3 ให้ธาตุพิการ )
ก็เหมือนกับ ที่เราเรียน มาแล้ว
ฤดู 3 พิการ จะดูว่า ตรีธาตุ ตัวใด พิการ นั่นเอง ส่วนสาเหตุ จะพูดถึง แค่ คิมหันต์เท่านั้น ว่า โลหิต เป็น สาเหตุ การเกิด ไข้
- ( คิมหันต์ฤดู ) ร้อน
นับจาก เดือน 4 ไปจนถึง เดือน 8 เป็น
เป็น ฤดูที่ เตโชธาตุพิการ เพราะ ฤดูร้อน อาการ โลหิต เป็นสาหตุ ไข้
- ( วสันต์ฤดู ) ฝน
นับจาก เดือน 8 ไปจนถึง เดือน 12
เป็น ฤดูที่ วาโยธาตุพิการ ก็เลย ให้โทษ มากกว่า ทุกกอง เพราะ ตรง ธาตุพิการ บอกว่า ถ้าเป็น วาโย จะอาการหนักกว่า อาการอื่นๆ
- ( เหมันต์ฤดู ) หนาว
นับจาก เดือน 12 ไปจนถึง เดือน 4
คือ ฤดูหนาว อาโป ธาตุพิการ
( ฤดู 4 ให้ ธาตุพิการ )
แต่ จะแบ่ง เป็น ฤดู ละ 3 เดือน
ฤดู จะ ดู ทวนเข็ม นาฬิกา
- ( คิมหันต์ฤดู )
เดือน 5 6 7
้ฤดูร้อน เป็นเพราะ เตโช ธาตุ พิกัด สันตัปปัคคี ที่ทำให้ โลหิต กำเริบ
อาการ : อยากอาหารบ่อย กินไม่ทันอิ่ม ให้อาเจียน ขัดอก แสบไส้จุกเสียด เวียนหน้าตา มี ลม มากในท้องปวดมวนท้อง มือเท้าสั่น หายใจ ระส่ำระสาย ทำให้เกิด ลมร้าย 6 จำพวก เพราะกินอาหารแสลง
( ไฟ มันเป็น เหตุ แห่ง การเกิด ลม เกิด เปลว ในร่างกาย เรามี 4 ธาตุ ธาตุไฟ เจอ น้ำ เจอ ดิน เจอ ลม แต่ ลมที่ว่า มันเกิด จากไฟ ที่เกิด ขึ้นก่อน ทีนี้ ฉะนั้น ไฟ มันเป็น ต้นเหตุ ที่ทำให้เกิด ลม ขึ้น นั่นเอง ตรงนี้ มันก็ เลยพูดถึง เรื่อง ของการ เวียน หน้า การเป็น ลม ในท้อง )
- ( วสันต์ฤดู )
เดือน 8 9 10
เป็น เพื่อ วาโยธาตุกำเริบ ปริณามัคคีหย่อน
เหตุเกิด เพราะ กินอาหาร ชุ่มมัน
อาการ : ให้เกิด โรค ผอมเหลอง หายใจสัน้ ให้ท้อง ลั่นโครก แดกขึ้น แดกลง หาวเรอ วิงเวียน หน้าตา กินอาหาร ไม่รู้รส หูหนัก ปากเหม็น ปากหวาน เกิด เลือดออก มาทาง ปาก ทางหู
( ปากเหม็น เพราะ อาหาร ไม่สะอาด เพราะ เรากิน ของมันมาก อาหารไม่ย่อย ทำให้ ของเสีย สะสม ในกระเพาะนาน เพราะ กระเพาะ ต้องย่อยนาน ทำให้ ปากเหม็น ถ้า อาการมาก ก็จะ มีเลือด ออกมาทาง ปาก ทางหู ได้ แต่ มักจะไม่เจอ ถึง ขนาดนั้น เพราะ คนไข้ พอมี ท้องอืด ก็จะรีบมาหา หมอแล้ว )
( คนไข้ หายใจไม่ ค่อยออก หมอ ต้อง มีอย่างหนึ่ง ที่ เป็น เทคนิค เชิงคลีนิก ก็คือ จะต้อง แก้ท้อง ก่อน โดยการ เอาลมในท้องออก ด้วยการ นวดท้อง ด้วยการ โกยท้อง การแหวก ก็สามารถ ทำได้ ต้องโกย ตามแนว ลำไส้ ก็จะทำให้ อาการ ดีขึ้นมาได้ แต่ว่า การที่เรา จะเผายา ต้องดูว่า มัน หย่อนจริงรึเปล่า เพราะ ถ้า ท้องลั่น มันเกิด จาก ธาตุไฟ มันกำเริบ แล้วเรา ไปเผายา อันนี้ ไม่ควร แต่ถ้า อาหาร ไม่ย่อย เพราะ ปริณามัคคี มัน หย่อนจริงๆ เราก็ เพิ่ม ไฟธาตุ ด้วยการ เผายา ได้ )
( ลม มัน หย่อน ก็ ทำให้ ไฟ มันกำเริบ หนัก ขึ้น ) ( เมื่อ ไฟ มันหย่อน มันก็ ทำให้ ลม กำเริบ หนักขึ้น เช่นกัน )
( ปริณามัคคี คือ ไฟย่อย พอมัน หย่อน ก็ทำให้ ย่อย อาหาร ไม่ได้ดี ทำให้ เกิด แก๊ส เป็น ลม ขึ้นมา )
- ( วสันต์เหมันต์ฤดู )
ฤดู 4 จะต่างจาก ฤดู 3 เพราะมันจะ มีตัวมา แทรก เมื่อมันมี ตัวมาแทรก เวลา เค้าแบ่ง ฤดู 4 เลย แบ่งเอา วสันต์ กับ เหมันต์ มา บวกกัน แล้ว เอา ฤดูที่ มาก่อน ขึ้นหน้า กลายเป็น ( วสันต์เหมันต์ฤดู ) เป็น ฤดูที่ 3
ส่วน อีก ฤดู ก็ จะเอา เหมันต์ฤดู บวก กับ คิมหันต์ฤดู ซึ่ง ก็จะเอา ชื่อ เหมันต์ ตั้งก่อน เพราะ ฤดู จะนับ ทวนเข็มนาฬิกา ซึ่ง เหมันต์ จะต้อง ขึ้นก่อน ก็ จะได้เป็น ( เหมันต์คิมหันต์ฤดู ) เป็น ฤดู ที่ 4
เดือน 11 12 1
สองฤดู ระคนกัน อาโปธาตุ กำเริบ
เหตุด้วย กินของผิดสำแดง
อาการ : มักขึงโกรธ ดุจเป็นบ้า ขบตามข้อ กระดูก มือเท้า บวม ให้ลง เป็นโลหิต ให้ไอ ให้ผอมเหลือง ขัดทรวง ลงท้อง ปวดมวน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
( วสันต์ฤดู คือ ลม + เหมันต์ฤดู คือ น้ำ ถ้า น้ำ กับ ลม รวมกัน ก็จะทำให้ มือ เท้า บวม )
- ( เหมันต์คิมหันต์ฤดู )
คือ ฤดู หนาว + ฤดู ร้อน
2 ฤดูรวมกัน กลายเป็น ปถวีธาตุ กำเริบ
เดือน 2 3 4
อาการ : นอนไม่หลับ กระหายน้ำ ให้รุ่มร้อน เสียดสองข้าง มักขึงโกรธ ให้เจ็บคอ ปากหวาน เจ็บอก ท้องลั่น ปั่นป่วน
( พวกอาการ ท้องลั่น เจ็บคอ มาจาก ร้อน แต่ถ้า มี หนาว มีอาโป มาแทรก บริเวณ คอ ที่มี เสมหะ ก็จะทำให้มี อาการ เจ็บคอ ได้ด้วย เหมือนกัน )
อาการ ที่ เมื่อ ระคน กัน ควรจะเป็น อาการประมาณไหน จะทำให้เรา ทำข้อสอบ ได้ง่ายขึ้น
( ฤดู 6 ให้ ธาตุพิการ )
มันจะ ต่างกัน ตรง ที่ว่า ตัวฤดู ละ 2 เดือน มันจะ ใช้ ชื่อ ไม่เหมือนกัน อีก คัมภีร์ นึง ที่จะ ใช้ ( คิมหันต์ วสันต์ วัสสาน สะระทะ เหมันต์ ศิศิระ ) แต่ ของ ธาตุวิวรณ์ ฤดู 6 จะ ต่างกัน ที่ ฤดู ที่ 2 จะใช้ เป็น ( คิมหันต์วสันต์ฤดู ) แทน จะเป็น ( คิมหันต์ คิมหันต์วสันต์ วสันต์ สารทะ เหมันต์ ศิศิระ )
ฤดู 6 ให้ธาตุ พิการ
- ( คิมหันต์ฤดู )
เดือน 5 - 6
เพื่อ กำเดา และ ดี
อาการ : แสบอก เมื่อยมือ เมื่อยเท้า เสียดแทง นอนไม่หลับ มวนท้อง อาเจียน สะอึก
- ( คิมหันต์วสันต์ฤดู )
เดือน 7 - 8
เพื่อ เตโช / วาโย / กำเดา / โลหิต
อาการ : ให้มวนในกาย ปวดศรีษะ นอนไม่หลับ กินอาหาร ไม่รู้รส ให้ระส่ำระสาย คลั่งไคล้ ลืมตัว
- ( วสันต์ฤดู )
เดือน 9 - 10
เพื่อ วาโยกล้า เสมหะติดอก
อาการ : ให้หนักอก หายใจขัด คันตัว หาก วาโย และ เสมหะ ระคนกัน มีรสกล้ามาก
- ( สะระทะฤดู )
เดือน 11 - 12
วสันต์ และ เหมันต์ เจือกัน ( ปลายฝน ต้นหนาว มันก็จะเป็น ฝน กับ หนาว รวมกัน )
ไข้เกิด เพื่อ ลม / เสมหะ / มูตร
อาการ : ร้อนในทรวงอก ร้อนในไส้ ในกาย ให้เจ็บฟก เจ็บกระดูกสันหลัง และ เจ็บคอ
- ( เหมันต์ฤดู )
เดือน 1 - 2
อาโป และ ปัถวี แทรก
ไข้เพื่อเสมหะ กำเดา เลือด
อาการ : ให้เจ็บสันหลัง บั้นเอว เนื้อตัง ต้นคอ แข็งดุจดังตรีโทษ
- ( ศิศิระฤดู )
เดือน 3 - 4
ปัถวีธาตุ เป็นมูลโรค
เกิดโรคด้วย เลือด ลม / กำเดา / เจือเสลด
อาการ : เกิดไร ฟกบวม หูทั้งสอง เป็น น้ำหนวก เหม็น เลือดเน่า ไหลออกจาก หู
( ธาตุ 4 วิปลาส )
บางที ข้อสอบ ถาม ให้เรางง ถามเรื่อง ธาตุ 4 วิปลาส แต่เอา ธาตุ 4 พิการ มาลงแทน เพื่อ หลอกเรา ดูว่า เค้าถามถึง ธาต 4 พิการ หรือ ธาตุ 4 วิปลาส
ธาตุ 4 พิการ คือ ธาตุ 4 ยังอยู่ แค่ มัน พัง
แต่ ธาตุ 4 วิปลาส คือ ธาตุใด ธาตุนึง มัน หายไป
ธาตุ 4 วิปลาส
- กองปัถวีธาตุ
เกิด เหา และ เล็น มาก
ไข้กรุ่น เป็นประมาณ ท้องลั่น และ พลุกพล่าน ให้ท้องขึ้น และ เจ็บท้อง ตกเลือดเหม็นเน่า เสียดแทง ในท้อง ขัดตะโพก อาการเหมือน เป็น กระษัย ให้เจ็บในอกให้เนื้อ ช้ำฟก เล็บมือ เล็บเท้า เขียว
( key คือ เกิด เหา และ เล็น มาก )
- กองเตโชธาตุ
ให้ร้อน ปลายมือ ปลายเท้า ดุจปลาดุกออก ให้ร้อนในเท้า ในไส้ บวมหน้า หลัง และ ท้อง เป็น เม็ดแสบร้อน ดังหัวผด ทั่วทั้งตัว และ หลบ กลับเข้าด้านใน ให้เจ็บ หลัง ตกมูกเลือด เป็น หนอง
( บวมหน้า หลัง ให้จำว่า อาการ บวม จะเกิด เมื่อ ลม กับ น้ำ รวมกัน )
- กองวาโยธาตุ
เป็น ตะคริว เมื่อยมือ เมื่อยเท้า หนักเอว หนักสันหลัง รากลมเปล่า เจ็บอก ขัดหัวเข่า หายใจขัด เป็นหวัด หอบหืด ตาพราย วิงเวียน หน้าตา
( ตะคริว เกิดจาก ลม ผิดปกติ )
( หัวเข่าขัด เกิดจากลม )
( หายใจขัด เกิดจาก ลม อัสสาสะปัสสาสะ)
( วิงเวียน หน้าตา ก็เกิดจาก ลม )
- กองอาโปธาตุ
จุกอก ลงท้อง แล้ว แปรเป็น กระษัยกล่อน ขัดหนัก ขัดเบา ตึงหัวเหน่า ท้องน้อยเป็นก้อน เป็นลูก กลิ้งขึ้น กลิ้งลง ตกเลือดตกหนอง พรรดึก ร้อนหน้า หลัง ดังเพลิง ให้เหลือง ซีด ผอม เกิดเสลด มือเท้าเล็บ ขัดสีข้าง ( ชายขัดทางขวา หญิง ขัดทางซ้าย ) เป็นไข้จับ
( ถ้า ถามว่า ธาตุใด เมื่อ วิปลาส แล้ว แปรเป็น กษัยกล่อน หรือ ถามว่า กองอาโปธาตุ วิปลาศ จะแปร เป็น อะไร )
( เป็นก้อน อยู่ในท้อง )
( key ของ อาโปธาตุ คือ ท้องเสีย อาการ ลงท้อง คือ อาการของอาโปธาตุ ที่ ชัดเจน ถ้า คนไข้ ท้องเสีย ส่วนใหญ่ เราต้อง ไปคุม ธาตุน้ำ )
( ธาตุ 4 เป็นตรีโทษ )
- ปัถวีธาตุ
ให้ราก ทรวรงอกแห้ง กายแข็งเหมือนท่อนไม้ ไม่รู้รสอาหาร เป็นไข้ อยู่ร่ำไป เจ็บอก กินอาหาร แล้ว ให้แสบท้อง ร้อน ในอก ท้องขึ้น ท้องพอง เขียวช้ำทั่วกาย
( key : จำไว้ว่า ปัถวีธาตุ จะมี อาเจียน หรือ ราก ทำให้ ทรวงอก แห้ง กายแข็งเหมือนท่อนไม้ )
- อาโปธาตุ
กายซูบผอม เหงื่อตกมาก ตึงตัวตึงหน้า กินอาหารน้อย ร้อน กระหายน้ำ ขัดอก ให้ท้องป็นลมลั่น อยากของมัน มักขึงโกรธ ให้ร้อน และ เย็นในอก เป็น ไข้จับ ปากชุ่ม ขม ร้อน เผ็ด หวาน
( key : เหงื่อตกมาก กระหายน้ำ ปากชุ่ม )
- เตโชธาตุ
ร้อนในท้อง ไส้พลุ่งพล่าน มือเท้าตาาย ไอดังขลุกๆ ใน ลำคอ และ ทรวงอก เมื่อย ขบทั่วร่างกาย ให้ผอมแห้ง ปวดมวนท้อง ร้อนรุ่มกาย วิงเวียน หน้าตา มักแสบไส้ เป็นลม มือเท้าสั่น ให้ร้อนเสียว ดังเพลิงรม
( key : ร้อนในท้อง ไอดัง ขลุกๆในลำคอ ร้อนรุ่มกาย วิงเวียน หน้าตา แสบไส้ เป็นลม ร้อนเสียวเหมือนเพลิง รม )
( ไอดัง ขลุกๆ ในลำคอ เพราะ โดนไฟเผา
- วาโยธาตุ
ผอมเหลือง ซูบเศร้าหมอง จุกอก เป็นก้อนในทรวง และ ท้อง ให้ราก สะอึก เรอ ให้ใจสั่น หวานปาก อาเจียน ร้อนอก ปวดศรีษะ เจ็บอก คันตัว ผุดแดง ดังสีเลือด ไอดัง เป็นหืด หนักหน้าตามัว
( key : จุกอก เป็นก้อนในทรวง ในท้อง ให้รากสะอึก เรอ ให้ใจสั่น )
ให้ ท่อง key
พยายาม หาว่า คีย์ เวิร์ด มันเป็น ของ ปัถวี อาโป เตโช วาโย กันแน่ ดูว่า อะไรมากกว่า กัน บางที หลายธาตุ มารวมกัน เพราะ ร่างกาย เรา มีหลาย ธาตุ รวมกัน อยู่ แต่ ให้ดู อาการไหน เป็น อาการนำ เยอะๆ เราจะ สามารถ วินิจฉัย ได้ว่า มันเป็น อาการ ทาง ดิน น้ำ ลม หรือ ไฟ กันแน่
( กำหนดวันเวลา เกิดไข้ )
วาตะสมุฎฐาน 10 วัน
ปิตตะสมุฎฐาน 7 วัน
เสมหะสมุฎฐาน 12 วัน
รวมกัน เป็น 29 วัน
( เขากำลัง จะพูด ถึง สันนิบาต )
( ลักษณะ อาการ ของโทษ 2 )
( ทุวันโทษ )
- เสมหะ กับ ลม
ทำให้กายชุ่มไปด้วย เหงื่อ เจ็บ ทั่วร่างกายา ง่วงนนอน หนักตัว เจ็บศรีษะ มักเป็นหวัด และ ให้ ไอ
่( key : กายช่ำไปด้วยเหงื่อ กับ ไอ เป็น อาการทาง เสมหะ ส่วน ง่วงนอน เจ็บศรีษะ เป็นอาการ ทาง ลม )
( เวลา เราดู อาการ เรา ต้องดู ว่า อาการ ที่เค้า ให้โจทย์ เรามา เป็น อาการที่ มีอะไรบ้าง )
( เจ็บศรีษะ เป็นอาการ ได้ทั้ง ลม และ ไฟ แต่ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องของ ลม มากกว่า ถ้า เป็นเรื่อง ของ ไฟ คือ ไฟมันไปเผา บริเวณ คอ บ่า เพราะ ไฟมัน ตีขึ้น จริงๆ คือ ไฟมัน เกิด แล้ว ทำให้ ลม ลอยขึ้นไป แล้ว ลม ก็นำ ความไอร้อน ขึ้นไปด้วย เค้าจะเรียกว่า ไฟ กำเริบ ทำให้ ลม กำเริบ ตามไปด้วย )
- เสมหะ กับ ดี
เป็นไข้ ปากขม ตัวสั่น พูดพร่ำเพ้อ ให้หนาวๆ ร้อนๆ และ ไอ
( key : ปากขม ให้ร้อนๆหนาวๆ )
- ดี กับ โลหิต
คนไข้ ใจระทดรุ่มร้อน หมองจิต มักตกใจสะดุ้ง ดี ลม และ กำเดา ระคนกัน มักให้ อยากน้ำ ออกเสียว เป็นเวลา มักวิงเวียนหน้าตา มักให้ กระวนกรวาย ให้คัดจมูก เจ็บศรีษะ ร้อนคอ สะท้านกายใจไม่สบาย ให้เจ็บไข้ ให้หนาว
( ทั้ง ดี และ โลหิต ก็ร้อน คือ ร้อน กับ ร้อน รวมกัน )
( key : ใจระทดรุ่มร้อน กำเดาระคน กัน มักให้ อยากน้ำ ยอกเสียว )
( ยอก มันเกิด จากความร้อน ทำให้ ลม มันเสียดแทง )
( ลักษณะ อาการของโทษ 3 )
( ตรีโทษ )
ปิตตะ + เสมหะ + ลม = มหาสันนิบาต
อาการ
- ให้ร้อนกระวนกระวาย
- ให้เจ็บทั่วกาย
- เชื่อมซึม
- ไม่สมปฤดี
- เย็นสะท้านทั้งกาย
- ผิวนวล ( เพราะ น้ำเกิน )
- เวียนหน้าตา
- กินอาหารน้อย
- หน้าตาแดง ดังสีเลือด
- เจ็บคอ
- เจ็บหัว และ เจ็บหู และ เจ็บทั่วกาย
- ไม่อยากข้าว
- นอนไม่หลับ
- ลิ้นกระด้าง
- หาวนอน
- ให้หนาวๆ ร้อนๆ
- ตัวแดง และ เหลือง เหมือน ทาขมิ้น
- หายใจขัด ทั้ง เข้า ออก
( คนไข้ มี อาการ ดังนี้ รักษายาก เป็น เหตุ ให้เสียชีวิต )
( มูลเหตุ เกิดโรค 6 ประการ )
1. กินอาหารผิดเวลา และ อิ่มนัก
2. เสพเมถุนมาก
3. กลางวันนอนมาก
4. กลางคืนนอนไม่หลับ
5. โทสะมาก
6. กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ
( กิน sex นอน อารมณ์ ขับถ่าย )
ท่อง ( กิน ขี้ ปี้ นอน โกธร )
( โทษ ห้ามผู้ไข้ พึงเว้น 11 ประการ เริ่มตั้งแต่ แรกไข้ )
1. อย่าอาบน้ำ
( เพราะ ร่างกายเราร้อน พอ ไปกระทบเย็น มากไป จะเกิด อาการผิดปกติ หรือ ไข้กลับ มากกว่าเดิมได้ เพราะ มันทำให้เกิดลม คลายกับ การ ก่อกองไฟ แล้ว เอาน้ำ ราด มัน จะเกิดไฟ เราจะไม่ เอาเย็น ดับร้อน หนักขนาดนั้น )
2. อย่าทาของหอม
( เพราะว่า ของหอม มันจะทำให้ เกิดการระคายเคือง ต่อทางเดินหายใจ )
3. อย่าเสพเมถุน
( การเสพเมถุน ทำให้เกิด ไฟ ที่เรียกว่า ไฟราคะ )
4. อย่าขัดสี ร่างกาย
( การขัดสีร่างกาย ทำให้ รู ขุมขน กว้างกว่า ปกติ ทำให้เกิด ความร้อน เกิด ได้ด้วย แต่การ เปิด รู ขุมขน เหมือนจะดี ในการระบายความร้อน แต่มัน ก็ ไม่ดี )
5. อย่านอนกลางวัน
( มันจะทำให้ กลางคืน นอนไม่หลับ )
6. อย่าทำงานหนัก
( การโหมงานหนัก ทำให้เกิด ความร้อน ทำให้ เกิดไข้ ได้ )
7. อย่าเอาโลหิต ออกจากกาย
( เพราะเราไม่ต้องการ ให้เกิด การซ่อมแซม ร่างกาย ที่มากกว่า ปกติ เมื่อก่อน การเอา โลหิต ออกจากกาย โดยการใช้ ปลิง )
8. อย่า โกนศรีษะ หนวดเครา
( เพราะ ศรีษะ และ หนวดเครา เราโกน ออกไป ทำให้ หัว ของเรา เจอความร้อน มากกว่า ปกติ เพราะไม่มี อะไรมาปกคลุม )
9. อย่าโกรธ ให้มากนัก
( เพราะ โกรธ เป็นความร้อน )
10. อย่า นอนตากแดด ตากลม
( เพราะ ความร้อน )
11. อย่ากินของ มันคาว
( เพราะ ของ มัน ของคาว ทำให้ อาหาร ไม่ค่อย ย่อย )
( มันจะ มี ข้อห้าม ของ คัมภีร์ตักศิลา 10 ข้อ แต่ของ ธาตุวิวรณ์ มี 11 คัมภีร์ธาตุวิวรณ์ จะ ห้าม ด้วยคำว่า อย่า ทั้งหมด )
( กำลัง โรคแห่งสัตว์โลก ตามอายุสมุฎฐาน )
จะแบ่งเป็น 0 - 16 / 16 - 30 / 30 - ชราภาพ
แต่ละ ช่วง คล้ายกัน มีตั้งแต่ เสมหะ ต่อไปด้วย ความร้อน ในช่วง วัยกลางคน และ สุดท้าย คือ วาตะ พิการ
(รสยาตามวัย )
- ปฐมวัย ( 0 - 16 ) เสมหะพิการ
ใช้ ยารส ( ขม เปรี้ยว หวาน )
(ใช้ เปรี้ยว เพื่อ ขับเสมหะ ได้ แล้วก็ต้องใช้ ยารสหวานด้วย เพราะ บางที เราต้องการ ทำให้ เสมหะ มัน เฟ้อก่อน ค่อยขับ ทีเดียว หรือ ในอีกกรณีนคง คือ วัยนี้ มักกิน ยาขม ไม่ค่อยได้ ต้องเอา หวาน ไปเจือ )
( เสมหะ เรา จะใช้ เปรี้ยว ไปขับ )
- มัชฉิมวัย ( 16 - 30 ) กำเดา ดี โลหิต พิการ
ใช้ยารส ขม เปรี้ยว เปรี้ยวฝาด เค็ม
( ต้องใช้ ความเย็น ดับ นั่น ก็คือ ขม และ ใช้ เปรี้ยว มาช่วย เรียก น้ำ และ มี เค็ม เพื่อ ให้ ซึมซาบ ไปตาม ผิวหนัง ด้วย )
( ดี จะใช้ เค็ม กับ ขม ไปดับ แต่ เปรี้ยว จะไป เรียก น้ำ )
- ปัจฉิมวัย ( 30 - ชรา ) วาตะพิการ
ใช้ยารส ขม ฝาด เค็ม ร้อน หอม
( ใช้ หอม ร้อน เป็น หลัก เพราะ วัยนี้ จะเป็น ในช่วง ของ วัยเกิด โรค ลม )
( การพิเคราะห์ รสยารักษาโรค ใช้ ยา 8 รส )
รสขม - ซาบผิวหนัง
รสฝาด - ซาบมังสัง
รสเค็ม - หวังซาบเส้นเอ็น
รสเผ็ดร้อน - ซาบกระดูก
รสหวาน - ซึมซาบลำไส้ใหญ่
รสเปรี้ยว - ซาบลำไส้เล็ก
รสหอมเย็น - ซาบหัวใจ
รสมัน - ซาบข้อต่อทั้งปวง
( ฝาด ขม เค็ม เผ็ด เปรี้ยว หวาน หอม มัน = เนื้อ หนัง เอ็น กระดูก เล็ก ใหญ่ ใจ ข้อ )
( การพิเคราะห์ โรคตาม สถานประเทศ )
แบ่งเป็น ชื่อ
1. กัณห์ประเทศ
น้ำจืด น้ำเค็ม เปือกตม มากมาย
เกิดโรค เพราะ เสมหะ และ ลมกล้า กว่า กำเดา ดี และ โลหิต
พึงแต่ง ยา แก้เสมหะ และ วาตะ
( สาเหตุ ของโรค มาจาก เสมหะ + ลม ตัวนี้ ที่ มันมี กำลัง มากกว่า ตัว กำเดา ดี โลหิต เมื่อ เสมหะ กับ ลม มี ฤทธิ์ แรงกว่า กำเดา ดี โลหิต เวลาเรา แต่งยาแก้ ก็ต้องแก้ เสมหะ กับ ลม เพราะ สาเหตุ มาจาก เสมหะ กับ ลม )
2. สาครประเทศ
กรวด ทราย ศิลามาก น้ำน้อย
เกิดโรค เพราะ โลหหิต และ กำเดา กล้า กว่า เสมหะ และ ลม พึง
แต่งยาแก้ โลหิต และ กำเดา
( เกิดจาก โลหิต กับ กำเดา กล้า กว่า เสมหะ และ ลม เพราะ น้ำน้อย ก็เลย มี โลหิต กับ กำเดา ก็เลยเยอะ ความร้อน ก็เลย สูง ฉะนั้น เวลา แก้ เราก็ใช้ ยาแก้ โลหิต กำเดา )
3. สาธารณประเทศ
กรวด ทราย เปือกตม ศิลา น้ำจืด น้ำเค็ม หนองน้ำ
เกิดโรค ระคน ทั้ง เลือด ลม กำเดา ดี
( จำไว้ว่า สาธารณ ก็คือ รวม ทุกรูปแบบ ก็เลย ระคน ไปหมด ทุกรูปแบบ ไม่ว่า เลือด ลม กำเดา และ ดี เวลาแต่งยา ก็ แต่ง รวมกัน หมดเลย )
( การพิเคราะห์ ใช้ยา รักษาโรค ตาม โลหิตฉวี )
1. คนไข้ผิวขาว - โลหิตรสหวาน - ใช้ยา ( รสเผ็ด ร้อน ขม )
2. คนไข้ผิวเนื้อขาวเหลือง - โลหิตรสเปรี้ยว - ใช้ยา รสเค็ม ( ใส่ เกลือ เจือ ให้มาก )
3. คนไข้ผิวเนื้อดำแดง - โลหิตรสเค็ม - ห้ามใช้ยา รสเค็ม ( ใช้รสอื่น รส อะไร ก็ได้ )
4. คนไข้ผิวเนื้อดำ - โลหิต รสเค็ม และ เย็นมาก - ใช้ ยารส หวาน
( การพิเคราะห์ กำหนดไข้ )
แบ่ง 1 วัน 24 ชั่วโมง ออกเป็น 4 ส่วน ไล่ กลไก การเกิด เป็น ( เสมหะ โลหิต วาตะ ดี )
- ย่ำรุ่ง ถึง เที่ยง ( 6 โมงเช้า จนถึง เที่ยง ) ( ไข้เพื่อ เสมหะ )
- เที่ยง ถึง เย็น ( 12:00 - 6:00 ) ( ไข้เพื่อ โลหิต )
ค่ำ ถึง เที่ยงคืน ( 18:00 - 24:00 ) ( ไข้เพื่อ วาตะ )
- เที่ยงคืน ถึง สว่าง ( 24:00 - 6:00 ) ( ไข้เพื่อ ดี )
( การพิเคราะห์ ลักษณะ ประเภทไข้ )
1.ไข้เพื่อ เสมะ เอกโทษ
ให้ หนาว ให้ร้อน ขนลุก จุกอก ให้หลับไหล กินไม่ได้ อ่อนแรง ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซีดเผือด ให้ปากหวาน ให้ราก
ื( key : หนาว ฝ่ามือฝ่าเท้าซีดเผือด ราก )
2. ไข้เพื่อ กำเดา เอกโทษ
ให้ ปากขม ให้ร้อนละเมอเพ้อคลั่ง ปวดศรีษะ อยากน้ำเป็นกำลัง กายเหลือง หน้าตาเหลือง ปัสสาวะแดง ให้ตึงแตกระแหง เป็นไข้ ฟันแห้ง นอนไม่หลับ
( key : ปากขม ปวดศรีษะ หน้าตาเหลือง ปัสสาวะแดง ให้ตึงแตกระแหง )
3. ไข้เพื่อ โลหิต เอกโทษ
ให้ตัวร้อน ปวดศรีษะมาก หน้าตาแดง ปัสสาวะเหลือง หน้าแตกะรแหง ฟันแห้ง
( key : ปวดศรีษะมาก หน้าตาแดง )
4.ไข้เพื่อ ลม เอกโทษ
ให้ขนลุก ขนชัน หนาวสะท้าน ปวดศรีษะ เวียนหน้าตา มัก โกรธง่าย เสียดแทงในอก กระหายน้ำ ในท้องเป็นก้อน ทุรรนทุรายหายใจขัด ตา และ เล็บเหลือง ไอดังเป็นหวัด ปากฝาก เจ็บคาง เมื่อยขากรรไกร ไอแห้ง
( key : เวียนหน้าตา เสียดแทงในอก ทุรนทุราย หายใจขัด )
( การพิเคราะห์ ลักษณะเวลาการจับไข้ )
1. โทษ หนึ่ง = ( 6:00 - 15:00 ) = อาการไข้บรรเทาคลาย ( อาการไข้ มันจะ ไม่ค่อย หนัก ในช่วงเวลานั้น
2. โทษ สอง = ( 13:00 - 20:00 ) = อาการ ไข้สร่างบรรเทา ( ไข้ เหมือนจะหาย แต่ ไม่หาย )
3. โทษ สาม = ( ไก่ขัน ถึง สามยาม หรือ 24:00 - 3:00 ) = อาการไข้หนัก ( ไข้กลับมาเป็น หนัก )
4. โทษ สี่ = ( เวลาผิดจาก โทษ 1 - โทษ 3 )= อาการ ถึง ตาย ( ถ้าเป็น ถึง โทษ สี่ อาจจะตายได้
( ทั้งหมดนี้ มัน แทบจะ ระบุ เวลา แน่นอน ไม่ได้เลย แต่สิ่งที่ อยากให้รู้ คือ โทษ 1 ถึง เมื่อไหร่ อาการ อย่างไร )
ธาตุวิวรณ์ เหมือนจะ น้อย แต่ มีหลายเรื่อง ส่วนเรื่อง ที่ชอบ นำมา ออกสอบคือ ยา 8 รส ข้อห้ามผู้ไข้ 11 ประการ เรื่องของ ธาตุ 4 พิการ ธาตุ 4 วิปลาส วันเวลากำหนดไข้ ออกแทบจะ ทุกหัวข้อ แต่ ประเทศ สมุฎฐาน ไม่ค่อยออก โลหิตฉวี ก็ออก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น