วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

บทที่ 1 ผดุงครรภ์

บทที่ 1 การผดุงครรภ์

ความหมายของการผดุงครรภ์
บทบาทหน้าที่ ของ ผดุงครรภ์ไทย
จรรยา ผดุงครรภ์ไทย
สรีระร่างกาย ของ หญิง และ ชายวัย เจริญพันธุ์

                     ความหมายของการผดุงครรภ์

คือ การดูแล มารดา และ ทารก ตั้งแต่ผูหญิงเริ่มตั้งครรภ์ จนถึง หลังคลอด เพื่อแนะนำ แก้ไข ป้องกัน อาการต่าๆของผู้เริ่มตั้งครรภ์ ซึ่งจะมี การเปลี่ยนแปลง ใน ร่างกาาย

ถ้า ผดุงครรภ์ สงสัยว่า การตั้งครรภ์ นั้น ผิด ธรรมดา ให้ส่งต่อ โรงพยาบาล โดยเร็ว

หน้าที่ สำคัญในการ ดูแล รักษาผู้ตั้งครรภ์ ตั้งแต่ แรกเริ่ม จน ทารกคลอด และ มีหน้าที่ ชี้แจง แนะนำ ในสิ่งต่างๆ ให้ผู้จะเป็น มารดาเข้าใจ และ ปฏิบัติได้อย่าง ถูกต้อง แนะนำ คู่สมรสที่ต้องการมี ลูกให้มีความเข้าใจ ในการดำเนินชีวิต คู่อย่างถูกต้องตามธรรมชาติ เพื่อจะได้มี บุตร ธิดา ที่มีคุณภาพ 

                            การช่วย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

1. ป้องกันมิให้ ทารก เกิดโรคในการคลอด
ต้องให้ยา จำพวก ฆ่าเชื้อโรค Antiseptic หรือ ใช้สิ่งของ เครื่องมือ ต่างๆ สะอาด ปราศจาก เชื้อโรค ต้องต้ม หรือ นึ่งเสียก่อน

2. การใช้ยา ซึ่งเป็น วิธีช่วยให้ บรรเทาอาการ เจ็บป่วย เมื่อ มดลูก หดรัดตัว หรือ มีลมเบ่ง ช่วย ให้คลอด หรือ ช่วย ระงับโลหิต
เพื่อรักษาชีวิต ให้ทันท่วงที

ต้องรักษาความสะอาด ของ มารดา ก่อนคลอดบุตร หรือ เมื่อ แรกเจ็บท้อ ให้มารดา อาบน้ำอุ่น หรือ ฟอกสบู่ หรอ น้ำที่ ผสมยาฆ่าเชื้อโรค เช่น น้ำด่างทับทิม เจือปนเล็กน้อย ล้างตัว ให้สะอาด ผ้านุ่ง ต้องใช้ผ้าที่สะอาด ซักฟอก โดยผ่านการตากแดด ให้สะอาด หรือ นึ่งเสียก่อน

                                จรรยาผดุงครรภ์ไทย

มีเมตาจิต ต่อคนไข้        ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่เป็นโลกธรรม 8
ไม่โลภเห็นแก่ลาภ    มีความละอายต่อบาป     ไม่โอ้อวดความรู้
ไม่เป็นคนเกียจคร้าน      ไม่หวงกีดกัน ความรู้ ผู้อื่นทีมีความรู้ดีกว่าตน   มีสติไตร่ตรอง    ไม่ลุแก่อำนาจ และ อคติ    ไม่มีสันดานมัวเมา

              สรีระร่างกาย ของหญิง และ ชาย วัยเจริญพันธุ์

ระบบอวัยวะสืบพันธุ์เพศชายที่ ต่างจาก หญิง
1. ต่อมอัณฑะ
2. ท่อน้ำอสุจิ
3. องค์ชาติ

ระบบอวัยวะ สืบพันธุ์ เพศหญิงที่ต่างจากชาย
1. มดลูก
2. รังไข่
3. ช่องคลอด

                        ระบบอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
ต่ออัณฑะ
ทำหน้าที่ : ผลิตน้ำอสุจิ และ กลั่นตัว อสุจิ แล้ว ส่ง น้ำอสุจิ ไปตามท่อ สองสาย เรียกว่า สายสองสลึง ไปพัก อยู่ใน ถุงน้ำกาม ซึ่ง อยู่ติดกระเพาะ ปัสสาวะ ทั้ง 2 ข้าง
ท่อที่ส่งตัว น้ำเชื้อ จะเป็น ท่อเดียว กับ ท่อปัสสาวะ เลย

น้ำอสุจิ
ประกอบด้วย ตัวเสปิร์ม มาโตซัว ลักษณะ เป็น เมือกขาวข้น ออกมาครั้งหนึง ประมาณ 3 - 4 ช้อนกาแฟ เริ่มผลิต ตั้งแต่ 16 ปี บริบูรณ์ จนถึง 70 - 80  ปี ซึ่ง ทำให้ เกิดบุตรได้ ( แต่ไม่แน่นอน แล้วแต่ กำลัง คน )
ก่อน อายุ 16 มี น้ำอสุจิ แต่ จะไม่มี ตัว อสุจิ

ตัวอสุจิ
มีี ลักษระ คล้าย ลูกอ๊อด คือ หัวกลม ตัวแบน มีหาง กระดิก ได้ เข้าสู่ ช่องคลอด แล้ว ไปสู่ มดลูก เพื่อเข้าสู่ตัว ไข่ที่ สุก ต่อไป

ลักษณะ ของอวัยวะ สืบพันธุ์เพศหญิง
จะ ประกอบ ไปด้วย มดลูก รังไข่ ช่องคลอด ปีกมดลูก
แต่ ละครั้ง ที่เกิด การตกไข่ จะตกครั้งละ หนึ่งฟอง จะอยู่ ด้านซ้าย หรือ ขวา ก็ได้ ตรงปีกมดลูก จะมีลักษณะ เหมือน ปากแตร

มดลูก
เป็น กล้ามเนื้อ 3 ชั้น หนาเหนียว แข็งแรงมาก ประกอบด้วย
1. ไขว้ กันตามยาว 1 ชั้น
2. ไขว้ กันตามขวาง 1 ชั้น
3. ไขว้ตามเฉียง 1 ชั้น
ภายในมดลูก เป็น โพรงรูปห้องสามเหลี่ยม แบนๆ ช่องหนึ่ง ไปทาง
ช่องคลอด อีก 2 ช่อง อยู่กันมดลูก ออกไป ซ้าย ขวา เรียก ปีกมดลูกซ้ายขวา

ปีดมดลูก
เป็นหลอด ทางเดิน ของไข่สุกก เข้าไปใน โพรงมดลูก ปาก หลอดเหมือนปากแตร มดลูก ทรงตัวลอย ด้วยเอ็น ทั้ง 2 ข้าง ถ้า เอ็นขาด ทำให้ มลุก ออกมาจุกที่ ปากช่องคลอด หรือ ออกมานอก ช่องคลอด เรียก ( ดากออก ) หรือ ( กระบังลม )

ช่องคลอด ยาวตั้งแต่ ปากมดลูก จนถึง ปากช่องคลอด ( ประมาณ 5 - 6 นิ้ว )โดยช่องคลอด มีลักษณะ คล้าย ลำไส้ ยืดหดตัวได้ ภายใน เป็น หนังย่นๆ เปียก ชุ่มอยู่ตลอดเวลา
ปากช่องคลอด มี แอ่ง สำหรับ รองรับ น้ำอสุจิ มี น้ำเมือก สภาพ
( ครึ่งกรด ครึ่งด่าง ) ถ้า ปากมดลูก อักเสบ เพราะมี สภาพ เป็นกรด มาก เกินไป จะทำให้ อสุจิ ที่มา กับ น้ำอสุจิ อ่อนกำลัง หรือ ตาย ( ทำให้ ผู้หญิง เป็น หมัน )

ตัว อสุจิ จะเคลื่อนที่ ได้เร็ว ใน สภาวะ ความเป็น ด่าง

ไข่ของผู้หญิง
เป็น ลูก กลมเล็ก เมื่อ หญิง มี ไข่สุก ( ครบกำหนด 22 วัน ไข่จึง จะสุก ครั้งหนึ่ง ) ไข่สุก จะพองตัวออก ตกออกจากรังไข่ จะผสม ได้ 1 ชีวิต

ถ้า ตก 2 - 3 เม็ด ก็จะ ทำให้เกิด ลูกแฝด  

ถ้า ไข่ที่ตก ออกจาก รังไข่ จะ ( เคลื่อนเข้าทาง ท่อปากแตร ) ทันที ( อยู่ใน ปากแตร 6 - 7 วัน ) จึง จะ ( เข้า โพรงมดลูก )

( ไข่สุกในรังไข่ ) เคลื่อน ไปเข้าสู่ ( ท่อปากแตร ) อยู่ 6 - 7 วัน จึง เคลื่อน ไปสู่ ( โพรงมดลูก )

                     คัมภีร์ มหาโชตรัตน์
สตรีต่างจาก บุรุษ 4 ประการ
1. ต่อมโลหิตระดู
2. ถันประโยธร ( เต้านม )
3. จริตกริยา
4. ที่ประเวณี ( ช่องคลอด )
ให้จำ จะออกสอบ ทุกปี

                          ( ต่อมเลือด ระดู )
ผู้หญิง เมื่อ อายุ 14 - 15 ปีขึ้นไป สิ้นกำหนด ตานซาง แล้ว ต่อมโลหิต แห่ง หญิง จะบังเกิด ขึ้น มาตาม ประเวณี แห่งสตรีภาพ มีอยู่ ดังนี้
1. โลหิตหทัย
ชาติ ระดูโลหิต ที่เกิด มาจาก หัวใจ
อาการ  ขี้หงุดหงิด ใจร้อน เหงื่อออกง่าย ขี้โมโหง่าย 
2. ปิตตัง
ชาติ โลหิต อันเกิดแต่ ขั้วดี
อาการ เป็นไข้
3. มังสัง
ชาติ ระดู เกิดแต่ ผิวหนัง
อาการ ผิวแสบร้อน มีอาการ วุบวาบ
4. นหารู
ชาติ โลหิต เกิดแต่ เส้นเอ็น ทั้งปวง
อาการ ดุจไข้ ( ก็คือ มี อาการ คล้ายคน เป็นไข้ )
5. อัฐ
ชาติ โลหิต อันเกิดแต่ กระดูก
อาการ เมื่อยขบตามกระดูก ตามข้อ ตามกระดูก

จะชอบ ออกขั้วดี กับ เส้นเอ็น เช่น ถามว่า โลหิต เกิดจาก อะไรทำให้ ผู้หญิงคนนี้ เหมือนเป็นไข้ ต้องตอบ ( เส้นเอ็น ) แต่ถ้าถามว่า เป็น ไข้ จะต้องตอบว่า ( ขั้วดี )

คนเมืองร้อน ก็จะมี ระดู ช่วงประมาณ 12 - 13 ปี

คนเมืองหนาว ก็จะมี ระดุ ช่วงประมาณ14 - 15 ปี

โดยเด็กหญิง เมื่อมี ระดู ครบกำหนด จะมี จริตกริยา รู้จักอาย เต้านมแข็ง เป็นไต มดลูก ขยายตัว ปวดตึง มี มดลูก บางคน อาจ ปวดหัว หรือ เป็นไข้

ระดู จะออกประมาณ 3 - 4 วัน หรือ 5 วัน ครั้ง ละ ประมาณ 10 - 15 ช้อนโต๊ะ

รอบระดู ตามกำหนด ปกติ มี 18 วัน จะออก ครั้ง หนึ่ง 20 - 30 วัน แล้ว ภายหลัง ก็มี 28วัน ตามธรรมดา

                    ( ระดู ออกจากไหน เวลาใด )

วันที่ รู้สึก ( เต้านมคัดแข็ง ปวดตึง ที่ มดลูก ) เป็นวันที่ ไข่สุก

ร่างกายจึง เปลี่ยนแปลง ( ผิวหนัง ในโพรงมดลูก หนาขึ้น มีโลหิต มาคั่งรวมอยู่ มาก )

จงมี อาการ ตึง ปวด มดลูก แล้ว ผิวหนัง ในโพรงมดลูก แตกออก โลหิตจึงไหล ออกมาเป็น ระดู

ประจำเดือน มีไข่สุก ที่ไม่ได้ ผสม ออกมาด้วย

                              ( การเกิดประจำเดือน )
ไข่สุก ( ในรังไข่ ) > หลอดปากแตร > โพรงมดลูก > เยื่อบางๆ จะหนาขึ้น มีเลือด มาคั่ง

ถ้าผสม กับ อสุจิ ( เยื่อบางๆในมดลูก ที่มี เลือดคั่งค้าง จะ หุ้มไข่ ไว้เป็น อาหารเลี้ยงทารก ) จะไม่มี โลหิต ซึมออกมา

ถ้า ไม่ได้ ผสมกับ อสุจิ ( ไข่ปริแตก พร้อมเส้นเลือด ) มี โลหิตไหลซึม ออกมา

                        โลหิต ไหลซึม ออกจาก ภายในมดลูก โดย
1. ไข่สุก แล้ว จะไหล เลื่อนลงเข้าหลอดปากแตร
2. แล้วเลื่อนไหล เข้าในโพรงมดลูก ภายในโพรงมดลูก มีเยื่อบางๆ สำหรับ รองรับไข่สุก ไว้ได้ หนาขึ้น มีเลือด มาคั่งค้าง เมื่อไข่สุกแล้ว ไม่ได้ผสม กับตัว อสุจิ ก็จะ ปริแตก ออก พร้อมด้วย เส้นเลือด เป็น ระดู ไหล ออกมา เรียก มีประจำเดือน

ถ้า ไข่สุกแล้ว ได้ ปฏิสนธิ กับ อสุจิ แล้ว เยื่อบางๆ ในมดลูก ที่มี เลือด มาคั่งค้าง ก็จะ หุ้ม ไข่ ไว้เป็น อาหาร สำหรับ เลี้ยง ทารก ต่อไป จะไม่มี เลือด ระดู ไหลออกมา

ระดู ที่ออก ควรเป็น เลือดสดๆ ไม่มีกลิ่น หรือ เป็น ลิ่ม ถ้ามีกลิ่ โสโครก สงสัย เป็น โรคระดู

ผู้หญิง จะ หมดประจำเดือน ตั้งแต่ อายุ 45 - 55 ปี แล้วแต่ บุคคล

                                 แนวข้อสอบ
ไข่ที่ ไม่ได้รับ การผสม จะมีชีวิต อยู่ได้ 4 - 5 วัน

น้ำอสุจิ ซึ่ง ต่อม อัณฑะ เป็น ผู้กลั่นออกมาจะ เป็นเมือก ข้น

ปากช่องคลอด มีแอ่ง สำหรับ รองรับ น้ำอสุจิ มีสภาพ ครึ่งกรด ครึ่งด่าง

ในเพศหญิง ตัวมดลุก จะมี กล้ามเนื้อ หนาเหนียว แข็งแรง มี 3 ชั้น
มีไขว้กันตามยาว ไขว้กันตามเฉียง ไขว้กันตามขวาง

การผดุงครรภ์ในความหมาย ที่ถูกต้องที่สุด คือ การดูแล มารดา และ ทารก ตั้งแต่ผู้หญิงเริ่มตั้งครรภ์ ถึง หลังคลอด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คัมภีร์โรคนิทาน

พระคัมภีร์โรคนิทาน ( อ.ประสิทธิ คงทรัพย์ ) ในพระคัมภี์ พระบรมอรรคธรรม = ความสิ้นอายุ = ธาตุจะขาด หย่อน พิการ หรือ ขาดหายไป แจ้งอยู่ใน ( คั...