คัมภีร์โรคนิทาน และ ธาตุวิภังค์
กล่าวถึง ความ มรณะสิ้นอายุ หรือ ความตาย หรือ การที่จะเกิดความตาย อาจจะมีเรื่อง ธาตุพิการ ธาตุแตก ซึ่ง 2 คัมภีร์ จะกล่าวคล้ายกัน
โรคนิทาน และ ธาตุวิภังค์ จะกล่าวถึง
1. สาเหตุการเสียชีวิต ของบุคคล และ ธาตุทั้ง 4 ที่ขาดก่อนเสียชีวิต
2. ธาตุทั้ง 4 พิการฤดู ( เวลานับ ฤดู ถ้าเป็น เวชศึกษา กับ สมุฎฐานวินิจฉัยจะ นับที่ เดือน 4 แต่ * ( โรคนิทาน กับ ธาตุวิภังค์ จะเริ่ม นับ ที่ เดือน 5 )
3. ธาตุทั้ง 4 พิการ ( ธาตุแตก ) เช่น ดีพิการ มีลักษณะ อย่างไร หนองพิการ ทำให้เป็น หืด ไอ
1. สาเหตุการเสียชีวิต
โรคนิทาน แบ่งเป็น
ปัจจุบันโณค โบราณโรค
โอปักกะมิกาพาธ - เสียชีวิตตามอายุไข
- ถูกทุบถองโบยตี ( ธาตุทั้ง 4 ขาด ตามลำดับ )
- ต้องโทษราชอาญา
- หอก ดาบ ปืนไฟ
ธาตุวิภังค์ แบ่งเป็น
ปัจจุบันกรรม และ ปัจจุบันโรค โบราณโรค และ โบราณกรรม
โอปักกะมิกาพาธ
- ถูกทุบถองโบยตีบอบช้ำ - เสียชีวิต ตามอายุไข
- ต้องโทษราชอาญา ( ธาตุทั้ง 4 ขาดไปตามลำดับ )
ปัจจุบันโรค *
- ตายด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน
Ex. อหิวาตกโรค
โรคนิทาน และ ธาตุวิภังค์ ในส่วน ของ ปัจจุบันโรค กับ ปัจจุบันกรรม จะ เหมือนกัน คือ * ( โอปักกะมิกาพาธ )
ในส่วน ของ โบราณโรค กับ โบราณกรรม ก็พูด เรื่อง เดียวกับ เช่นการเสียชีวิต ที่เกิดจาก สิ้นอายุขัย ตาม ชราภาพ ปกติ แล้ว ธาตุ ทั้ง 4 ก็ ขาดตามลำดับ
ปัจจุบันโรค คือ โรคที่ ทำให้เสียชีวิต ฉับพลัน เช่น โรคติดเชื้อ โรคไข้เลือดออก ก็จัดเป็น ปัจจจุบันโรค แต่ถ้า ตกจากที่สูง เป็นปัจจุบันกรรม
ธาตุทั้ง 4 ที่ขาดตามลำดับ
โรคนิทาน
โบราณโรค - เสียชีวิต ตามอายุขัย ( ธาตุทั้ง 4 ขาด ไปตามลำดับ )
- ปัถวีธาตุ 20 ขาดไป 19 เหลือ หทยัง
- อาโปธาตุ 12 ขาดไป 11 เหลือ น้ำลาย* เขโฬ
- วาโยธาตุ 6 ขาดไป 5 เหลือ ลมหายใจเข้าออก
- เตโชธาตุ 4 ขาดไป 3 เหลือ ไฟอุ่นกาย
ธาตุวิภังค์
โบราณกรรม และ โบราณโรค - เสียชีวิตตามอายุขัย ธาตุทั้ง 4 ขาดตามลำดับ
- ปัถวีธาตุ 20 ขาดไป 19 เหลือ หทยัง
- อาโปธาตุ 12 ขาดไป 11 เหลือ ปิตตัง * ( น้ำดี )
- วาโยธาตุ 6 ขาดไป 5 เหลือ ลมหายใจเข้าออก
- เตโชธาตุ 4 ขาดไป 3 เหลือ ไฟอุ่นกาย
สรุป ตัวทีต่างกัน คือ ตัว อาโปธาตุ โรคนิทาน จะ เหลือ น้ำลาย / ธาตุวิภังค์ จะเหลือ ปิตตัง ( น้ำดี )
( 2. ธาตุทั้ง 4 พิการตามฤดู )
ใช้ 4 ช่วง ละ 3 เดือน ( จะเริ่มนับจาก เดือน 5 ) จะต่างจาก เวชศึกษา กับ สมุฎฐานวินิจฉัย
ธาตุวิภังค์
เตโชธาตุ :สันตัปปัคคีพิการ ( เดือน 5 6 7 )
วาโยธาตุ : กุจฉิสยาวาตาพิการ ( เดือน 8 9 10 )
อาโปธาตุพิการ : ( เดือน 11 12 1 )
ปัถวีธาตุพิการ : ( เดือน 2 3 4 )
โรคนิทาน
เตโชธาตุ พิการ : ( เดือน 5 6 7 ) สันตัปปัคคี พิการ
วาโยธาตุพิาร : ( เดือน 8 9 10 )
อาโปธาตุ พิการ : ( เดือน 11 12 1 )
ปัถวีธาตุพิการ : ( เดือน 2 3 4 )
@ โรคนิทาน กับ ธาตุวิภังค์ ในส่วน ของ เตโชธาตุพิการ กับ วาโยธาตุพิการ จะเป็น ตัวเดียวกัน พิการ คือ ถ้าเป็น ธาตุวิภังค์ จะเป็น สันตัปปัคคีพิการ อาการ ของ
ช่วงที่ 1 ( เดือน 5 6 7 )
ธาตุวิภังค์ คือ จะมี ( อาการ เย็น ในอก วิงเวียน กินอาหาร ไม่ค่อยได้ เวลากินอิ่ม จะจุก ขัดในอก อาหาร จะไม่ค่อยย่อย แล้ว ก็จะทำให้เกิด ลม 6 จำพวก )
โรคนิทาน จะมี อาการ ( เย็นใน อก กินอาหาร เมื่ออิ่ม ก็จุกเสียด ขัดอก อาหารไม่ย่อย หิวบ่อย ทำให้เกิด ลม 6 จำพวก )
* ลมทั้ง 6 จำพวก เหมือนกัน แต่ ชื่อเรียก แตกต่างกันไป ตามคัมภีร์
ช่วงที่ 2 ( เดือน 8 9 10 )
ธาตุวิภังค์
วาโยธาตุพิการ กำหนดเป็น ( กุจฉิสยาวาตา พิการ )
โรคนิทาน จะไม่ได้พูดว่า เป็น ลมตัวไหน แต่จะ บอกว่า อาการ ( ผอมเหลืองเมื่อย คลั่นตัว ทุกข้อ แดกขึ้น แดกลง มี เสียงลั่น ในท้อง หาวเรอ วิงเวียน หน้าตา หูหนัก ร้อนใน อก หายใจสั้น เหม็นปาก หวานปาก อาจจะมี เลือดออก ด้วย )
ช่วงที่ 3 อาโปธาตุพิการ ( เดือน 11 12 1 ) กับ ช่วงที่ 4 ปัถวีธาตุพิการ ( เดือน 2 3 4 ) ลักษณะ จะเหมือนกัน แต่เค้าไม่ได้บอกว่า มีอาการ ประมาณไหน ให้ดูว่า ตัวพิการ พิการ ยังไง มากกว่า แต่ อาการ โดยรวม ไม่ได้พูดถึง ให้แยก ไปเลยว่า อาโป 12 ตัว แต่ละ ตัว มีอาการ อย่างไร เช่น โลหิตตังพิการ จะ ( คลั่ง เพ้อพก ตัวร้อน )
แต่ เค้าจะ พูด ถึงสาเหตุ เช่น ปัถวีธาตุ พิการ คือ สาเหตุ นอนผิดเวลา ส่วน สาเหตุ ของ อาโปธาตุพิการ คือ สาเหตุ กินผัก กับอาหาร ผิดสำแดง ทำให้ อาโปธาตุพิการ
( อาการที่แสดงจากธาตุ ทั้ง 4 พิกการ ตามฤดู )
คัมภีร์โรคนิทาน คัมภีร์ธาตุวิภังค์
เดือน 5 6 7 เดือน 5 6 7
ว่า ด้วย เตโชธาตุ ว่าด้วย เตโชธาตุ
สันตัปปัคคีพิการ สันตัปปัคคีพิการ
- ลมอุตะรันตะ - อุทรันตะวาตะ
- ลมปัตตะรันตะ - อุระปักขะรันวาตะ
- ลมอัสวาตะ - อัสสาสะวาตะ
- ลมปรามาศ - ปัสสาสะวาตะ
- ลมอนุวาตะ - อนุวาตะ
- ลมมหาสดมภ์ - มหัสกะวาตะ
ธาตุ 4 พิการ ในเดือน 5 6 7 โรคนิทาน กับ ธาตุวิภังค์ จะทำให้เกิด ลม 6 จำพวก เมื่ออาหาร ไม่ย่อย ชื่อ ของ ลม 6 ของ ทั้ง 2 คัมภีร์ แม้ ชื่อ จะต่าง หรือ คล้ายกัน แต่ มีหน้าที่ การทำงาน ที่ แทบจะ เหมือนกัน
คู่ที่ 1 ( ลมอุตะรันตะ กับ อุทรันตะวาตะ ) ทำหน้าที่ พัด ตั้งแต่ สะดือ ไปจนถึง ลำคอ ด้วยกัน ทั้งคู่
คู่ที่ 2 ( ลมปัตตะรันตะ กับ อุระปักขะรันวาตะ ) ถ้าเรา ดู จาก คำว่า ปัตตะ กับ อุระ เราจะรู้ ได้ว่า อุระ แปลว่า อก ฉะนั้น ตรงนี้คือ พัดตั้งแต่ ( อก ไปจนถึง ลำคอ )
คู่ที่ 3 ( ลมอัสวาตะ กับ อัสสาสะวาตะ ) คำว่า อัสสะ แปลว่า ลมหายใจเข้า ฉะนั้น เวลา เกิด ก็จะ ทำให้ หายใจ ขัด หรือ ( ขัดจมูก นาสิกตึง )
คู่ที่ 4 ( ลมปรามาศ กับ ปัสสาสะวาตะ ) คำว่า ปัสสาสะ แปลว่า ลมหายใจ ออก ดังนั้น ตัวนี้ คือ เมื่อเกิดโรค จะทำให้ หายใจ ( ขัดในอก กับ หายใจขัด ) ลม ปรามาศ เวลา หายใจ ไม่ออก จะแน่น ในอก ก็เลย ขัดในอก
คู่ที่ 5 ( ลมอนุวาตะ กับ อนุวาตะ ) หายใจแบบ ขาด ไปเลย ธาตุวิภังค์ ก็จะบอกว่า หายใจขาดไปเลย เหมือนกัน แต่จะมี อาการ บอกว่า เป็นลม แน่นิ่ง ไปเลย
คู่ที่ 6 ( ลมมหาสดมภ์ กับ มหัสกะวาตะ ) ก็คือ อันเดียวกัน ทำให้ หาวนอนมาก หวั่นไหว หัวใจ แน่นิ่งไป ไม่รู้สึกตัว
มหาสดมภ์ คือ ( ลมจับ แน่นิ่งไปเลย ) แต่ มหัสกะวาตะ จะเพิ่ม ( การหาวเรอ ) ขึ้นมา
( 3. ลักษณะ ธาตุแตก โรคนิทาน )
ลักษณะ ธาตุแตก ใช้กับ โรคนิทาน แต่ถ้า ธาตุพิการ ใช้กับ ธาตุวิภังค์
- เตโชธาตุแตก
ปริณามัคคีแตก
ปริทัยหัคคีแตก
ชีรณัคคีแตก
สันตัปปัคคีแตก
- วาโยธาตุแตก
ลมอุทฑังคมาวาตา แตก
ลมอโธคมาวาตา แตก
ลมกิจฉิสยาวาตา แตก
ลมโกฎฐาสยาวาตา แตก
ลมอังคมังคานุสารีวาตา แตก
ลมอัสสาสะปัสสาสะ แตก
- อาโปธาตุ
ดี แตก
เสมหะ แตก
หนอง แตก
โลหิตพิการ หรือ แตก
เหงือ ถ้าแตก ให้เหงื่อตกหนัก
น้ำตา แตก หรือพิการ
มันเหลว แตก
น้ำลาย แตก
น้ำมูกพิการ หรือ แตก
มันข้นพิการ หรือ แตก
ไขข้อพิการ หรือ แตก
มูตรพิการ หรือ แตก
- ธาตุดินพิการ
ผมพิการ
ขนพิการ
เล็บพิการ
ฟันพิการ
หนังพิการ
เนื้อพิการ
เอ็นพิการ
กระดูกพิการ
เยื่อในกระดูกพิการ
ม้ามพิการ
ดวงหทัยพิการ
ตับพิการ
พังผืดพิการ
พุงพิการ แตก
ปิดพิการ แตก
ไส้ใหญ่พิการ แตก
ไส้น้อยพิการ แตก
อาหารใหม่พิการ แตก
อาหารเก่าพิการ แตก
สมองศรีษะ พิการ แตก
( ยาแก้ * จะออกสอบบ่อย )
ยาแก้เตโชธาตุพิการ = กาลาธิจร *
ยาแก้วาโยธาตุพิการ = ฤทธิจร
ยาแก้ปัถวีธาตุพิการ = ยาแก้ปถวีธาตุพิการ ( สมอง กระดูก ม้าม )
แก้ หัวใจพิการ = มูลจิตใหญ่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น